Translator: Cho
Original Post: http://www.bapyessirfansite.com/2013/11/zelo-in-chinese-magazine.html
เซโล่: หนุ่มน้อยมะเขือเทศที่ไม่อาจต้านทานได้
ในรูปเดบิวท์ทีเซอร์ยังเป็นเพียงเด็กม.3 อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของเขานั้นทำให้เขาดูโดดเด่นต่างจากเด็กม.3ทั่วไป ผิวที่ขาวจัดและรูปร่างสูง ประกอบกับหน้ากากและกรีดตาสีดำยาว ทำให้เกิดบรรยากาศที่แข็งแกร่งและพลังที่ดูลึกลับ นี่คือความรู้สึกที่เซโล่ต้องการสื่อถึง - ภาพลักษณ์เดียวกับเซลอส เทพเจ้าแห่งการแข่งขันของกรีก!
"ผมไม่ใช่คนบ้านนอกจากมกโพนะ!"
ครั้งหนึ่งเซโล่เคยฝันอยากเป็นนักฟุตบอลเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนประถม เพื่อที่จะทำให้ฝันเป็นจริง เขาได้ใช้เวลาในทุกวันไปกับฟุตบอล ด้วยการฝึกฝนอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็พัฒนาความสามารถดีพอที่จะเข้าร่วมทีมฟุตบอลเยาวชนในท้องถิ่นได้เมื่ออยู่ป.5 แต่ว่าเพราะการคัดค้านอย่างหนักจากพ่อแม่ ทำให้เซโล่ต้องล้มเลิกเรื่องฟุตบอลไปในที่สุด
หลังจากเจอความผิดหวังนั้นสักพัก เซโล่ก็ได้หลงใหลเสน่ห์ใหม่ในชีวิตอย่างเงียบๆ - คือดนตรี เขาถูกสะกดด้วยการแสดงเต้นของวงรุ่นพี่ในทีวี ภาพการเต้นนั้นยังคงเล่นซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขาแม้การแสดงนั้นจะจบไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เซโล่ก็เริ่มจะฝึกตามท่าเต้นของรุ่นพี่ทีละนิดที่หน้ากระจกในบ้าน
ไม่นานนักหลังจากเขาเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง ความสามารถของเซโล่ก็ได้ถูกค้นพบ เขาได้รับการตอบรับด้วยดีจากสถาบันสอนเต้นที่ซึงรีเคยฝึกมาก่อน ช่วงนั้น เนื่องจากเซ้นส์แฟชั่นของเขากับทางอะคาเดมี่นั้นต่างกันมาก ครูที่นั่นบอกเขาว่า "อย่ามาที่อะคาเดมี่อีกถ้ายังไม่เปลี่ยนแนวการแต่งตัว" เซโล่ก็กลับมาอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนสไตล์ แต่ว่าคนอื่นๆไม่ได้ตอบรับดีอย่างที่เขาหวังไว้ ทุกคนต่างดูถูกเขา "คนรอบข้างหลายคนคิดว่าผมไม่มีวันประสบความสำเร็จ ผมรู้สึกเจ็บโดยเฉพาะเวลาได้ยินคำอย่าง 'ไอ้บ้านนอกจากมกโพ' แต่ก็เพราะด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรูปลักษณ์ แฟชั่น และดนตรี" เซโล่ทำได้เหนือกว่าคนอื่นๆในพริบตาระหว่างการฝึกฝน ยืนหยัดด้วยความสามารถที่โดดเด่น ด้วยเซ้นส์ทางแฟชั่นที่เกิดใหม่นี้ เขาก็ถูกจดจำในอย่างกว้างขวางในฐานะแฟชั่นนิสต้า
หนทางที่ยากลำบากสู่โซล
หลังจากที่ได้เก็บเกี่ยวความสามารถทางการร้องและเต้นอย่างเพียงพอแล้ว เซโล่ก็ได้ถูกค้นพบโดยทางตัวแทนอย่างไม่น่าประหลาดใจ และหนทางสู่โซลของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น การฝึกหัดในโซลนั้นแตกต่างมาก ทั้งตารางการฝึกซ้อมก็เข้มงวดกว่าและเป็นระบบกว่า เซโล่นั้นกดดันจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงเนื่องจากเขายังคงเป็นนักเรียนด้วย "ถึงแม้การเรียนไปด้วยฝึกซ้อมไปด้วยจะไม่ง่ายเลย แต่ผมก็มีความสุขมากครับ ด้วยความคิดที่ว่าจะเดบิวท์เร็วๆ มันก็เหมือนกับว่าความฝันของผมจะเป็นจริงในที่สุดแล้ว ผมก็ยิ่งทำงานหนักมากกว่าเดิมครับ" ด้วยทัศนคติในแง่บวกแบบนั้น เซโล่ก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยดี แต่แผนการเดบิวท์นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ มีข้อขัดแย้งระหว่างตัวเขากับทางบริษัทที่ตกลงกันไม่ได้ เซโล่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากลาออกมา
หลังจากที่เขาออกจากบริษัทนั้น เซโล่ก็ได้เข้าร่วมTS Entertainmentอย่างรวดเร็ว คนแรกที่เขาได้เจอหลังจากมาถึงคือบังยงกุกซึ่งตอนนี้อยู่วงเดียวกัน ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่โดดเด่น แต่ว่าบังยงกุกก็ทำให้เซโล่ได้ตะลึงกับการแสดงของเขา ซึ่งก็ทำให้เซโล่ที่ก่อนหน้านี้พอใจกับความสามารถของตัวเองแล้ว ได้ตัดสินใจว่า "จะฝึกฝนอย่างหนักและไม่เป็นรองยงกุกฮยอง"
ออร่าที่เปี่ยมล้น VS มักเน่ขี้อาย
หลังจากได้ฝึกฝนมาเกือบ2ปี เซโล่ได้ร่วมซับยูนิตกับยงกุกเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องให้กับการเดบิวท์ต่อไปของB.A.P ในเวลานั้นการแร็ปของเซโล่ก็ได้โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เขาได้ทำให้ตัวเองไม่ตกอยู่ใต้เงาของยงกุกที่เคยทำวงใต้ดินมาก่อน
B.A.P เดบิวท์กับเพลง Warrior ในปี 2012 สมาชิกแต่ละคนต่างทำผมสีบลอนด์และเร้าความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้ฮือฮามากที่สุดแน่นอนว่าคือการแร็ปLTEของเซโล่ที่มี16พยางค์ต่อวินาที เพียงแค่ได้ฟังก็ทำให้ใจเต้นแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงเลย เพราะแนวการแร็ปที่โดดเด่นนี้ทำให้จำนวนแฟนๆของเซโล่พุ่งขึ้นด้วยความเร็วแสง!
ถึงจะครองเวทีได้แล้ว แต่เซโลก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มวัย17เมื่อเขาลงจากเวที ทุกคนรู้ว่าเขาชอบมะเขือเทศเชอร์รี่อย่างที่เขาได้เรียกร้องในรายการ “TA-DAH IT'S B.A.P” อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่เห็นมะเขือเทศ เขาจะพูดอย่างดีอกดีใจเหมือนเด็กๆว่า "มะเขือเทศของผม!" เพราะงั้น "มะเขือเทศน้อย" เลยกลายเป็นชื่อเล่นแรกของเขาอย่างที่คิด
โชคดีและโชคร้ายของหนุ่มน้อยวัยรุ่นคนนี้
เซโล่ที่มายังโซลตั้งแต่ม.2 แทบจะไม่มีเวลาได้อยู่กับพ่อแม่ การได้พบพ่อแม่นั้นยิ่งยากมากขึ้นหลังจากเดบิวท์ ในคอนเสิร์ต B.A.P Live on Earth เซโล่ก็เริ่มตาแดงๆเมื่อเขานำข้อความที่เขาเขียนถึงพ่อกับแม่ออกมา และเพียงแค่เริ่มต้น เขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้และเริ่มร้องไห้ออกมา สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้ได้พบเจอนั้นช่างหนักหนากว่าเด็กอายุ17คนอื่นจะได้พบเจอนัก นั่นอธิบายได้ว่าทำไมเขาจึงอ่อนไหวเมื่อเริ่มพูดถึงพ่อแม่
ในระหว่างเส้นทางของการเป็นเด็กฝึก บังยงกุกก็ได้ดูแลเอาใจใส่เซโล่ราวกับเป็นพ่อแม่ "ยงกุกฮยองเป็นแหล่งพลังงานของผมครับ ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ความรู้สึกของการทำงานหนักให้มากขึ้นก็ก่อตัวขึ้น" นับตั้งแต่เข้าบริษัทมาจนกระทั่งตอนนี้ บังยงกุกเป็นคนเดียวที่อยู่กับเขา ต่างสนับสนุนกันและกันดั่งเพื่อน และพึ่งพากันราวกับพี่น้อง เซโล่นั้นโชคดีจริงๆ หลังจากการเดบิวท์ เซโล่ก็ต้องพบเจอกับเรื่องแย่ๆที่ไอดอลหลายคนเจอ - ซาแซงแฟน (แฟนที่คลั่งเกินเหตุ) ไม่นานมานี้แฟนที่เกาหลีได้บอกเล่าเรื่องซาแซงแฟนของเซโล่ ซาแซงแฟนคนนี้ได้ปรากฎตัวในทุกๆที่อัดไลฟ์ จับจ้องไปที่เซโล่ และบอกเขาในใจว่า "ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาย" เธอยังทำให้เซโล่สะดุดด้วยเท้าแล้วใช้มือตีที่ศีรษะเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้เซโล่หวาดกลัวทุกครั้งที่เห็นเธอ เขายังได้บอกกับผู้จัดการว่าเขากลัวพี่คนนั้นและขอให้ผู้จัดการไปบอกเธอไม่ให้มาอีก
Original Post: http://www.bapyessirfansite.com/2013/11/zelo-in-chinese-magazine.html
©TOTOMATO | BAP_intl
เซโล่: หนุ่มน้อยมะเขือเทศที่ไม่อาจต้านทานได้
ในรูปเดบิวท์ทีเซอร์ยังเป็นเพียงเด็กม.3 อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของเขานั้นทำให้เขาดูโดดเด่นต่างจากเด็กม.3ทั่วไป ผิวที่ขาวจัดและรูปร่างสูง ประกอบกับหน้ากากและกรีดตาสีดำยาว ทำให้เกิดบรรยากาศที่แข็งแกร่งและพลังที่ดูลึกลับ นี่คือความรู้สึกที่เซโล่ต้องการสื่อถึง - ภาพลักษณ์เดียวกับเซลอส เทพเจ้าแห่งการแข่งขันของกรีก!
"ผมไม่ใช่คนบ้านนอกจากมกโพนะ!"
ครั้งหนึ่งเซโล่เคยฝันอยากเป็นนักฟุตบอลเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนประถม เพื่อที่จะทำให้ฝันเป็นจริง เขาได้ใช้เวลาในทุกวันไปกับฟุตบอล ด้วยการฝึกฝนอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็พัฒนาความสามารถดีพอที่จะเข้าร่วมทีมฟุตบอลเยาวชนในท้องถิ่นได้เมื่ออยู่ป.5 แต่ว่าเพราะการคัดค้านอย่างหนักจากพ่อแม่ ทำให้เซโล่ต้องล้มเลิกเรื่องฟุตบอลไปในที่สุด
หลังจากเจอความผิดหวังนั้นสักพัก เซโล่ก็ได้หลงใหลเสน่ห์ใหม่ในชีวิตอย่างเงียบๆ - คือดนตรี เขาถูกสะกดด้วยการแสดงเต้นของวงรุ่นพี่ในทีวี ภาพการเต้นนั้นยังคงเล่นซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขาแม้การแสดงนั้นจะจบไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เซโล่ก็เริ่มจะฝึกตามท่าเต้นของรุ่นพี่ทีละนิดที่หน้ากระจกในบ้าน
ไม่นานนักหลังจากเขาเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง ความสามารถของเซโล่ก็ได้ถูกค้นพบ เขาได้รับการตอบรับด้วยดีจากสถาบันสอนเต้นที่ซึงรีเคยฝึกมาก่อน ช่วงนั้น เนื่องจากเซ้นส์แฟชั่นของเขากับทางอะคาเดมี่นั้นต่างกันมาก ครูที่นั่นบอกเขาว่า "อย่ามาที่อะคาเดมี่อีกถ้ายังไม่เปลี่ยนแนวการแต่งตัว" เซโล่ก็กลับมาอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนสไตล์ แต่ว่าคนอื่นๆไม่ได้ตอบรับดีอย่างที่เขาหวังไว้ ทุกคนต่างดูถูกเขา "คนรอบข้างหลายคนคิดว่าผมไม่มีวันประสบความสำเร็จ ผมรู้สึกเจ็บโดยเฉพาะเวลาได้ยินคำอย่าง 'ไอ้บ้านนอกจากมกโพ' แต่ก็เพราะด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรูปลักษณ์ แฟชั่น และดนตรี" เซโล่ทำได้เหนือกว่าคนอื่นๆในพริบตาระหว่างการฝึกฝน ยืนหยัดด้วยความสามารถที่โดดเด่น ด้วยเซ้นส์ทางแฟชั่นที่เกิดใหม่นี้ เขาก็ถูกจดจำในอย่างกว้างขวางในฐานะแฟชั่นนิสต้า
หนทางที่ยากลำบากสู่โซล
หลังจากที่ได้เก็บเกี่ยวความสามารถทางการร้องและเต้นอย่างเพียงพอแล้ว เซโล่ก็ได้ถูกค้นพบโดยทางตัวแทนอย่างไม่น่าประหลาดใจ และหนทางสู่โซลของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น การฝึกหัดในโซลนั้นแตกต่างมาก ทั้งตารางการฝึกซ้อมก็เข้มงวดกว่าและเป็นระบบกว่า เซโล่นั้นกดดันจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงเนื่องจากเขายังคงเป็นนักเรียนด้วย "ถึงแม้การเรียนไปด้วยฝึกซ้อมไปด้วยจะไม่ง่ายเลย แต่ผมก็มีความสุขมากครับ ด้วยความคิดที่ว่าจะเดบิวท์เร็วๆ มันก็เหมือนกับว่าความฝันของผมจะเป็นจริงในที่สุดแล้ว ผมก็ยิ่งทำงานหนักมากกว่าเดิมครับ" ด้วยทัศนคติในแง่บวกแบบนั้น เซโล่ก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยดี แต่แผนการเดบิวท์นั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ มีข้อขัดแย้งระหว่างตัวเขากับทางบริษัทที่ตกลงกันไม่ได้ เซโล่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากลาออกมา
หลังจากที่เขาออกจากบริษัทนั้น เซโล่ก็ได้เข้าร่วมTS Entertainmentอย่างรวดเร็ว คนแรกที่เขาได้เจอหลังจากมาถึงคือบังยงกุกซึ่งตอนนี้อยู่วงเดียวกัน ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่โดดเด่น แต่ว่าบังยงกุกก็ทำให้เซโล่ได้ตะลึงกับการแสดงของเขา ซึ่งก็ทำให้เซโล่ที่ก่อนหน้านี้พอใจกับความสามารถของตัวเองแล้ว ได้ตัดสินใจว่า "จะฝึกฝนอย่างหนักและไม่เป็นรองยงกุกฮยอง"
ออร่าที่เปี่ยมล้น VS มักเน่ขี้อาย
หลังจากได้ฝึกฝนมาเกือบ2ปี เซโล่ได้ร่วมซับยูนิตกับยงกุกเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องให้กับการเดบิวท์ต่อไปของB.A.P ในเวลานั้นการแร็ปของเซโล่ก็ได้โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เขาได้ทำให้ตัวเองไม่ตกอยู่ใต้เงาของยงกุกที่เคยทำวงใต้ดินมาก่อน
B.A.P เดบิวท์กับเพลง Warrior ในปี 2012 สมาชิกแต่ละคนต่างทำผมสีบลอนด์และเร้าความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้ฮือฮามากที่สุดแน่นอนว่าคือการแร็ปLTEของเซโล่ที่มี16พยางค์ต่อวินาที เพียงแค่ได้ฟังก็ทำให้ใจเต้นแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงเลย เพราะแนวการแร็ปที่โดดเด่นนี้ทำให้จำนวนแฟนๆของเซโล่พุ่งขึ้นด้วยความเร็วแสง!
ถึงจะครองเวทีได้แล้ว แต่เซโลก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มวัย17เมื่อเขาลงจากเวที ทุกคนรู้ว่าเขาชอบมะเขือเทศเชอร์รี่อย่างที่เขาได้เรียกร้องในรายการ “TA-DAH IT'S B.A.P” อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่เห็นมะเขือเทศ เขาจะพูดอย่างดีอกดีใจเหมือนเด็กๆว่า "มะเขือเทศของผม!" เพราะงั้น "มะเขือเทศน้อย" เลยกลายเป็นชื่อเล่นแรกของเขาอย่างที่คิด
โชคดีและโชคร้ายของหนุ่มน้อยวัยรุ่นคนนี้
เซโล่ที่มายังโซลตั้งแต่ม.2 แทบจะไม่มีเวลาได้อยู่กับพ่อแม่ การได้พบพ่อแม่นั้นยิ่งยากมากขึ้นหลังจากเดบิวท์ ในคอนเสิร์ต B.A.P Live on Earth เซโล่ก็เริ่มตาแดงๆเมื่อเขานำข้อความที่เขาเขียนถึงพ่อกับแม่ออกมา และเพียงแค่เริ่มต้น เขาก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้และเริ่มร้องไห้ออกมา สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้ได้พบเจอนั้นช่างหนักหนากว่าเด็กอายุ17คนอื่นจะได้พบเจอนัก นั่นอธิบายได้ว่าทำไมเขาจึงอ่อนไหวเมื่อเริ่มพูดถึงพ่อแม่
ในระหว่างเส้นทางของการเป็นเด็กฝึก บังยงกุกก็ได้ดูแลเอาใจใส่เซโล่ราวกับเป็นพ่อแม่ "ยงกุกฮยองเป็นแหล่งพลังงานของผมครับ ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ความรู้สึกของการทำงานหนักให้มากขึ้นก็ก่อตัวขึ้น" นับตั้งแต่เข้าบริษัทมาจนกระทั่งตอนนี้ บังยงกุกเป็นคนเดียวที่อยู่กับเขา ต่างสนับสนุนกันและกันดั่งเพื่อน และพึ่งพากันราวกับพี่น้อง เซโล่นั้นโชคดีจริงๆ หลังจากการเดบิวท์ เซโล่ก็ต้องพบเจอกับเรื่องแย่ๆที่ไอดอลหลายคนเจอ - ซาแซงแฟน (แฟนที่คลั่งเกินเหตุ) ไม่นานมานี้แฟนที่เกาหลีได้บอกเล่าเรื่องซาแซงแฟนของเซโล่ ซาแซงแฟนคนนี้ได้ปรากฎตัวในทุกๆที่อัดไลฟ์ จับจ้องไปที่เซโล่ และบอกเขาในใจว่า "ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาย" เธอยังทำให้เซโล่สะดุดด้วยเท้าแล้วใช้มือตีที่ศีรษะเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้เซโล่หวาดกลัวทุกครั้งที่เห็นเธอ เขายังได้บอกกับผู้จัดการว่าเขากลัวพี่คนนั้นและขอให้ผู้จัดการไปบอกเธอไม่ให้มาอีก
©bapyessir.com #Josie (English) | ©bapyessir.com #Cho (Thai)
©TOTOMATO | BAP_intl
No comments:
Post a Comment